Productivity Paradox
- ในการลงทุนใน IT อาจจะเกิด Productivity paradox ได้ กล่าวคือ ผลตอบแทนที่ได้รับอาจไม่เป็นไปตามที่ลงทุน
- ในการวัด productivity วัดโดย Output/ Input
- ความแตกต่างระหว่าง ประสิทธิภาพ(Efficiency) และ ประสิทธิผล(Effectiveness) Efficiency หมายถึงผลดีที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม หรือการดำเนินงาน นั่นคือ หากจะวัดว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ มีส่วนประกอบหลายส่วน หลักๆ คือควรพิจารณากระบวนการดำเนินงานว่า ก่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้หรือไม่ 1. ความประหยัด (Economy) ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดต้นทุน (Cost) ประหยัดทรัพยากร (Resources) หรือ ประหยัดเวลา (Time) 2. ความรวดเร็ว ทันตามกำหนดเวลา (Speed) ก็เป็นอีกตัวบ่งชี้ว่าเกิดประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะหากการดำเนินงานก่อให้เกิดความประหยัดทรัพยากร แต่ไม่ทันตามกำหนดเวลา ก็ไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพ 3. ความมีคุณภาพ (Quality) ซึ่งพิจารณาทั้งกระบวนการตั้งแต่ปัจจัยนำเข้า (input) หรือวัตถุดิบ ต้องมีการคัดสรรอย่างดี ส่วน Effective เป็นศัพท์บัญญัติ ทางการบริหารจัดการ หมายถึงผลสำเร็จ ของงานเป็นไปตามความมุ่งหวัง (purpose) ที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมาย ดังนั้น ในประเด็นของความมีประสิทธิผล จึงมุ่งเน้นไปที่การพิจารณาจุดสิ้นสุดของกิจกรรมหรือการดำเนินงานว่าได้ตามที่ตั้งไว้ หรือไม่ ซึ่งมักจะมีตัวชี้วัด (indicator) ที่ชัดเจน
- กว่าจะเห็นผลลัพธ์อาจใช้เวลานาน
- การลงทุนในไอที เป็นการเอางบประมาณมาจากส่วนอื่น ทำให้เปรียบเสมือนมีหน่วยงานหนึ่งได้ประโยชน์อีกหน่วยงานหนึ่งจะเสียประโยชน์
- ต้นทุนในการลงทุนใน IT สูง
- ลงทุนในวันนี้กว่าจะรับรู้รายได้ก็อีกหลายปี
- อาจจะมีปัจจัยอื่นมากระทบทำให้เกิด Productivity paradox เช่น กฎหมาย
- เพื่อเปรียบเทียบ Cost ที่ลงทุนไปและ Benefit ที่ได้รับมา ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?
- แต่อย่างไรก็ตามบางโครงการแม้ไม่คุ้มค่าก็จำเป็นต้องลงทุน เช่น โครงการที่ใช้เงินลงทุนน้อย, โครงการสาธารณูปโภค, โครงการที่มีข้อมูลในการตัดสินใจไม่เพียงพอ และโครงการที่ทำตามคำสั่งเจ้าของเงินทุน
- Net profit
- Payback period
- Return on investment (ROI)
- Net present value (NPV)
- Interest rate of return (IRR)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น